พลับจีน
(Persimmon , Kaki)
สรรพคุณทางยา :
เนื้อของผลพลับมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงร่างกายแก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยย่อยอาหาร
ขับเสมหะ แก้ไอ และยังช่วยแก้พิษที่เกิดจากการรับประทานสุราอีกด้วย
ส่วนผู้ที่มีอาการของโรคความดันโลหิตสูงหรือเป็นโรคริดสีดวงทวารนั้นหากรับประทานผลพลับสุกเป็นประจำ
จะช่วยทำให้อาการของโรคดังกล่าวทุเลาลงได้ นอกจากนี้แล้วเนื้อของลูกพลับที่นำมาตากแห้งจะมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการร้อนใน
เป็นแผลในปาก หรือคอแห้งได้เป็นอย่างดี ใบของต้นพลับก็ยังสามารถที่จะนำมาทำเป็นใบชาดื่มเป็นประจำ
เพื่อลดอาการหลอดเลือดแข็งตัวความดันโลหิตสูง และเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตันได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาผลของลูกพลับที่ตากแห้งมาให้ผู้ที่ป่วยเป็นไข้อมไว้ในปากแล้วก็จะช่วยลดอาการไข้
หรือตัวร้อนได้ หรือหากนำเอาผลพลับมาต้มเคี่ยว รวมกับน้ำผึ้งแล้วก็สามารถที่จะใช้ดื่มเพื่อบรรเทาอาการหลอดลมอักเสบได้เป็นอย่างดี
พุทรา (Chinese date)
สรรพคุณทางยา :
พุทรามีสรรพคุณในการเป็นยาบำรุงเลือดและบำรุงร่างกายเนื่องจากภายในผลของพุทรานั้น
จะประกอบไปด้วยวิตามินซีอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ก็ยังมีโปรตีน น้ำตาล
และวิตามินบี-2 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ ผลจากการวิจัยพบว่า
ผู้ที่รับประทานผลพุทราเป็นประจำจะสามารถหลีกเลี่ยงต่ออาการผนังเส้นเลือดแข็งตัว
การมีปริมาณคอเลสเตอรอลภายในร่างกายสูง ผนังเส้นเลือดหัวใจตีบตัน หรือเส้นเลือดในสมองแตก
พุทราก็ยังมีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงระบบประสาท และช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับอีกด้วย
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาผลพุทราจีนมาคั่วจนสุก แล้วบดรวมกับขิงที่คั่วจนสุกแล้วดื่มแทนน้ำชาเป็นประจำ
ก็สามารถที่จะป้องกันอาการท้องร่วงได้เช่นเดียวกับการนำเอาผลพุทรามาต้มรวมกับสมุนไพรบางชนิดแล้ว
ก็สามารถที่จะนำมาใช้เป็นยาบำรุงของสตรีเพื่อบรรเทาอาการเลือดลมผิดปกติได้
หรือนำเอาผลพุทรามาต้มกับน้ำดื่มติดต่อกันเพื่อบรรเทาอาการแพ้ต่าง
ๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้วหากนำเอาผลพุทราแห้งมาปิ้งกับไฟแล้วชงดื่มกับน้ำ
ก็จะช่วยบรรเทาอาการไอได้เป็นอย่างดี
มะกอก (Hog plum)
สรรพคุณทางยา :
มะกอกมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน ซี
หรือเกลือแร่ชนิดต่าง ๆ นอกจากนี้แล้วมะกอกยังมีสรรพคุณในการลดความร้อนภายในร่างกาย
ลดความดันโลหิต บรรเทาอาการกระหาย ช่วยรักษาอาการไอและเจ็บคอ นอกจากนี้ก็ยังช่วยในการลดเสมหะภายในลำคออีกด้วย
มะกอกฝรั่ง (Olive)
สรรพคุณทางยา :
น้ำมันมะกอกนั้นจะมีสรรพคุณในการช่วยลอปริมาณคอเลสเตอรอลที่มีอยู่ในกระแสเลือดได้
และช่วยลดการจับตัวของเกล็ดเลือดที่บริเวณผนังเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี
มะขาม (Tamarind)
สรรพคุณทางยา :
ในเนื้อของผลมะขามที่แก่จัดจะมีสรรคุณในการเป็นยาระบาย และช่วยในการย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี
ช่วยให้บุคคลธรรมดาเจริญอาหารและช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในสตรีมีครรภ์
ตำรับยาแผนโบราณ :
ในกรณีที่มีอาการท้องผูกหรือไม่ค่อยถ่ายอุจจาระให้รับประทานผลมะขามสุก
หรือน้ำมะขามคั้นก่อนนอนเพื่อช่วยในการระบาย หรือหากนำเอาผลมะขามสดมาต้มรับประทานกับน้ำ
ก็จะช่วยทำให้บุคคลบรรเทาอาการเบื่ออาหาร หรือสตรีมีครรภ์ลดอาการแพ้ท้องลง
และถ้าหากนำเอาเมล็ดที่อยู่ในผลมะขามมาต้มกับน้ำแล้วกะเทาะเปลือกออกกินเป็นประจำแล้วก็จะช่วยในการขับพยาธิชนิดต่าง
ๆ ได้เป็นอย่างดี หรือผู้ที่รับประทานมะขามเป็นประจำแล้วก็จะทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ
มะขามป้อม (Emblic myrobalan)
สรรพคุณทางยา :
ส่วนต่าง ๆ ของมะขามป้อม ไม่ว่าจะเป็น ผล ใบ ราก และเปลือกหุ้มลำต้นนั้นสามารถที่จะนำมาใช้เป็นยาได้
โดยเนื้อของผลมะขามป้อมน้ำจะมีสรรพคุณในการเป็นยาละลายเสมหะ แก้ไอ
บรรเทาอาการของโรคหวัด เจ็บคอหรือรักษาโรคคอตีบได้
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาเนื้อของผลมะขามป้อมมาต้มกับน้ำสามารถที่จะใช้รับประทานแก้โรคไข้หวัด
ลดไข้ และแก้อาการเจ็บคอได้เป็นอย่างดี ส่วนผลมะขามป้อมสดหรือน้ำมะขามป้อมคั้นสด
ๆ นั้นสามารถที่จะใช้รับประทานเพื่อแก้พิษที่ได้รับจากปลาปักเป้าได้
หรือหากมีอาการกระหายน้ำ มีเสมหะในลำคอนั้นสามารถที่จะเคี้ยวผลมะขามป้อมเพื่อบรรเทาอาการต่าง
ๆ เหล่านั้นได้
มะเขือเทศ (Tomato)
สรรพคุณทางยา :
ในผลมะเขือเทศนั้นมีสรรพคุณทางยาด้วยตนเองเนื่องจากเนื้อของผลมะเขือเทศนั้น
จะมีวิตามินหลายชนิดประกอบอยู่ ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน เอ วิตามิน บี
และวิตามิน ซี ซึ่งจากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่รับประทานมะเขือเทศ
หรือรับประทานอาหารที่ปรุงจากมะเขือเทศเป็นประจำแล้วจะช่วยลดอาการแข็งตัวของผนังหลอดเลือดลดลงได้มาก
นอกจากนี้แล้วมะเขือเทศก็ยังมีสรรพคุณในการช่วยป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิด
เลือดออกตามไรฟัน ช่วยบำรุงสายตา และช่วยในการย่อยอาหารอีกด้วย ส่วนในเด็กที่รับประทานมะเขือเทศเป็นประจำนั้นจะทำให้มีพัฒนาการทางสมองที่รวดเร็ว
มีความจำที่ดี ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากผลของวิตามิน บี-1 ซึ่งมีเป็นจำนวนมากในผลของมะเขือเทศนั่นเอง
ส่วนวิตามิน ซี ที่มีในมะเขือเทศนั้นก็จะช่วยในการสร้างภูมิต้านทานของร่างกายและช่วยในการห้ามเลือดอีกด้วย
ตำรับยาแผนโบราณ :
การรับประทานน้ำมะเขือสุกจะช่วยลดอาการท้องอืดเฟ้อ และอาหารไม่ย่อยได้
ช่วยดับกระหาย และช่วยรักษาโรคแผลร้อนใน ๆ ช่องปาก ส่วนเนื้อของผลมะเขือเทศนั้นก็มีสรรพคุณในการแก้พิษในร่างกาย
ลดความดันโลหิต และช่วยบรรเทาอาการป่วยของผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูงและโรคตับอักเสบได้ดีอีกด้วย
มะนาว (Lime)
สรรพคุณทางยา :
จากการศึกษาพบว่า น้ำมันหอมระเหยที่ได้จาการสกัดเปลือกของผลมะนาวนั้นจะมีสรรพคุณในการใช้เป็นยาขับลม
ช่วยย่อยอาหาร และแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ดี นอกจากนี้ผู้ที่รับประทานอาหารที่ปรุงโดยมีส่วนผสมของมะนาวเป็นประจำแล้ว
จะช่วยป้องกันและรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน โรคลักปิดลักเปิด เนื่องจากวิตามิน
ซี ที่มีเป็นจำนวนมากในผลของมะนาว นอกจากนี้แล้วมะนาวก็ยังช่วยในการขับเสมหะ
ทำให้ชุ่มคอ และช่วยป้องกันและรักษาอาการของโรคหวัดอีกด้วย น้ำมะนาวมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดตามข้อและกล้ามเนื้อและยังช่วยกระตุ้นให้ตับทำการขับพิษออกจากร่างกายอีกด้วย
ส่วนใบของต้นมะนาวนั้นสามารถที่จะนำมาใช้เป็นยาขับเสมหะภายในลำคอ และยังช่วยบรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อได้เป็นอย่างดี
ตำรับยาแผนโบราณ :
นำเอาเปลือกมะนาวสดบีบหรือทุบให้น้ำมันที่เปลือกออกมา แล้วนำไปชงน้ำร้อนดื่มเพื่อบรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ
หรือนำน้ำมะนาวอุ่น ๆ มาดื่มเป็นประจำเพื่อป้องกันและรักษาอาการเจ็บคอ
และโรคหวัดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้ว หากนำน้ำมะนาวมาผสมกับดินสอพองพอกลงไปในบริเวณที่มีรอยช้ำบวมนั้นก็จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยและยังจะช่วยให้รอยช้ำบวมนั้นหายไปได้อีกด้วย
เช่นเดียวกับการนำเอารากของต้นมะนาวมาต้มกับน้ำสุกและเหล้าเล็กน้อย
ดื่มเพื่อบรรเทาอาการฟกช้ำภายนอกและอาการบอบช้ำภายในร่างกาย และถ้าหากนำเอาใบของต้นมะนาวที่ตากจนแห้งมาต้มกับน้ำแล้วกิจแทนน้ำชาเป็นประจำแล้วจะช่วยห้องกันไม่ให้มีอาการไอและท้องอืดท้องเฟ้อได้
และหากนำเอาผลมะนาวผ่าซีกมาทาหรือพอกในบริเวณที่เป็นสิว ขี้แมลงวัน
หรือรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ บนใบหน้าแล้วก็จะช่วยทำให้ผิวพรรณบริเวณใบหน้าเปล่งปลั่งขึ้น
ส่วนสตรีมีครรภ์ที่แพ้ท้องนั้นสามารถที่จะนำเอาน้ำมะนาวมาใช้รับประทานเพื่อบรรอาการแพ้ท้อง
หรือหารับประทานเป็นประจำแล้วก็จะช่วยรักษาครรภ์และป้องกันการแท้งบุตรได้
หรือในบุคคลที่มีอาการวิงเวียนศีรษะแล้วก็สามารถที่จะใช้รับประทานเพื่อลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้เช่นเดียวกัน
มะนาวฝรั่ง (Lemon)
สรรพคุณทางยา :
เลมอนมีสรรพคุณทางยาเช่นเดียวกับมะนาว เพราะมีวิตามิน ซี เป็นจำนวนมาก
ดังนั้น จึงช่วยทำให้เจริญอาหาร ป้องกันโรคลักปิดลักเปิด
ตำรับยาแผนโบราณ :
ผลของมะนาวฝรั่งหากนำมาต้มในน้ำเดือดจนกระทั่งร้อนสามารถที่จะใช้คลึงในบริเวณผิวหนังเพื่อบรรเทาอาการฟกช้ำบริเวณผิวหนังได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ แล้วหากนำเอาน้ำและเปลือกของผลเลมอนมาต้มรับประทานกับน้ำ
หรือรับประทานร่วมกับชาแล้วก็จะทำให้เจริญอาหาร ช่วยย่อยอาหาร และช่วยแก้กระหายได้เป็นอย่างดี
มะพร้าว (Coconut)
สรรพคุณทางยา :
เนื้อของผลมะพร้าวมีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย
ส่วนน้ำของผลมะพร้าวนั้นก็มีฤทธิ์ในการลดความร้อนดับกระหายและใช้ในการขับพยาธิชนิดต่าง
ๆ ได้หลายชนิดไม่ว่าจะเป็นพยาธิใบไม้ พยาธิตัวกลม พยาธิตัวตืด เป็นต้น
ส่วนจาวมะพร้าวหรือต้นอ่อนที่งอกอยุ่ภายในผลของมะพร้าวนั้นสามารถที่จะใช้เป็นยาขับพยาธิได้เช่นเดียวกัน
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาเนื้อมะพร้าวมารับประทานเป็นประจำในขณะที่ท้องว่างจะช่วนในการขับ
พยาธิใบไม้(Fasciolopsis) และพยาธิตัวตืด(Tape worm) ได้เป็นอย่างดี
หรือหากรับประทานน้ำมะพร้าวเป็นประจำแล้วก็จะช่วยป้องกันอาการของโรคหัวใจล้มเหลว
และยังช่วยลดอาการบวมน้ำหรือตัวบวมได้อีกด้วย ส่วนน้ำมันที่ได้จากกะลามะพร้าวสามารถที่จะนำมาใช้เป็นยาทารักษากลากเกลื้อน
และโรคผิวหนังอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี
มะเฟือง (Belimbing , Carambola)
สรรพคุณทางยา :
มะเฟืองนั้นนับได้ว่าเป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยามากมายไม่ว่าจะเป็นส่วนของผล
ราก ดอก และใบ โดยผลของมะเฟืองมีสรรพคุณในการแก้อาการไอ และยังช่วยลดความร้อนภายในร่างกาย
อีกทั้งช่วยถอนพิษและบรรเทาอาการของโรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะอีกด้วย
ส่วนใบของต้นมะเฟืองนั้นหากนำมารับประทานกับน้ำก็จะมีฤทธิ์ในการเป็นยาขับปัสสาวะ
หรือถ้าหากนำมาบดแล้วพอกลงบนผิวหนังแล้ว ก็จะมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการอักเสบ
ช้ำบวม
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำรากของต้นมะเฟืองมาต้มรวมกับน้ำแล้วรับประทานก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้เป็นอย่างดี
ส่วนดอกของมะเฟืองนำมาต้มรับประทานกับน้ำแล้วก็จะช่วยในการขับพิษของฝิ่นที่เสพเข้าไปได้
ส่วนผลมะเฟืองสดหากนำมาคั้นเอาแต่น้ำแล้วรับประทานพร้อมกันกับน้ำแล้วก็จะช่วยบรรเทาอาการม้ามโตได้
ใบมะเฟืองสดนั้นสามารถที่จะนำเอามาพอกลงบนแผลที่ช้ำบวมเพื่อบรรเทาอาการปวดได้
นอกจากนี้แล้วผลมะเฟืองสามารถที่จะนำมารับประทานเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ
เป็นไข้หวัด และขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้
มะไฟ (Rambeh , Rambi)
สรรพคุณทางยา :
ส่วนต่าง ๆ ของต้นมะไฟนั้น ล้วนแล้วแต่มีสรรพคุณในการเป็นยารักษาอาการต่าง
ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นใบของต้นมะไฟมีสรรพคุณในทางยาที่ใช้ในการบรรเทาอาการของไข้หวัด
แก้ไอ รักษาโรคมาเลเรีย และยังช่วยในการขับปัสสาวะอีกด้วย ส่วนผลของมะไฟมีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหาร
ละลายเสมหะรักษาอาการท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ส่วนเมล็ดของผลมะไฟนั้นใช้บรรเทาอาการปวดท้องได้อีกด้วย
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาใบของต้นมะไฟมาต้มเคี่ยวจนงวดและแห้งหลาย ๆ ครั้งนำมาดื่มแล้ว
สามารถที่จะบรรเทาหรือป้องกันโรคหวัดได้เป็นอย่างดี ส่วนผลของมะไฟ
หากนำเอามาตากแห้งแล้วต้มรับประทานกับน้ำหรือใช้ส่วนของเปลือกรากมาต้มกับน้ำผสมกับสุราเล็กน้อยใช้ดื่มเพื่อบรรเทาอาการปวดที่ลำไส้
กระเพาะอาหาร และรักษาโรคไส้เลื่อนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้วหากนำเอาใบมะไฟสดมาอบหรือตากให้แห้งแล้วบดละเอียดผสมกับสุราแล้วรับประทานวันละสองครั้งเพื่อแก้พิษจากการถูกงูกัดหรือสุนัขบ้ากัด
ส่วนกากของยาที่กรองเอาไว้สามารถที่จะนำเอาไปพอกบริเวณแผลเพื่อบรรเทาอาการปวด
มะม่วง (Mango)
สรรพคุณทางยา :
ส่วนต่าง ๆ ของมะม่วงล้วนแต่มีสรรพคุณทางยาไม่ว่าจะเป็นเนื้อของผลมะม่วง
เมล็ดในมะม่วง เปลือกหุ้มลำต้น และใบมะม่วง โดยเนื้อของผลมะม่วงมีสรรพคุณในการเป็นยาแก้อาการไอ
ละลายเสมหะ แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ดับกระหาย ขับปัสสาวะ ช่วยให้เลือดลมและประจำเดือนของสตรีเป็นปกติ
นอกจากนี้ยังมีสรรคุณในการแก้อาการอักเสบและอาการแพ้ชนิดต่าง ๆ อีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตไม่ควรที่จะรับประทานมะม่วงมากเกินไปนักเพราะจะทำให้อาการของโรคเป็นมากขึ้น
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากรับประทานมะม่วงสดเป็นประจำแล้วก็จะช่วยทำให้อาการไอ หอบ มีเสมหะ
หรือมีเลือดออกตามไรฟันบรรเทาลงไปได้ และถ้านำเอาเปลือกมะม่างสดมาต้มกับน้ำแล้วนำไปล้างแผลในบริเวณผิวหนังที่เป็นอักเสบตกสะเก็ด
ก็จะช่วยลดอาการอักเสบได้ ส่วนเมล็ดในผลมะม่วงนั้นสามารถที่จะนำมาต้มกับน้ำเพื่อบรรเทาอาการปวดเนื่องมาจากไส้เลื่อน
หรือหากนำเอาใบมะม่วงมาต้มกับน้ำมาล้างแผล หรือใช้ใบมะม่วงที่ตำละเอียดมาพอกที่แผลจะช่วยทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น
มะยม (Star-gooseberry)
สรรพคุณทางยา :
มะยมมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ วิตามิน
ซี และเกลือแร่ชนิดต่าง ๆ นอกจากนี้แล้วมะยมก็ยังมีสรรพคุณในการเป็นยาระบายอย่างอ่อน
ๆ ช่วยทำให้ชุ่มคอ บรรเทาอาการไอ แก้การเจ็บคอ และยังช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนสำหรับสตรีมีครรภ์ที่แพ้ท้องอีกด้วย
มะละกอ (Papaya)
สรรพคุณทางยา :
จากการศึกษาพบว่าผลมะละกอมีสารชื่อ Capaine ที่มีสรรพคุณในการต่อต้านการเกิดของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้แล้ว มะละกอก็ยังมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงอวัยวะภายในต่าง
ๆ ของมนุษย์ เช่น ม้าม และกระเพาะอาหาร ช่วยในการย่อยอาหาร และยังช่วยทำให้ผิวพรรณดี
อีกด้วย
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากใช้เหลือกมะละกอดิบตากแห้งแล้วบดเป็นผงให้ละเอียด แล้วรับประทานก่อนอาหารก็จะช่วยในการขับถ่ายพยาธิ
ส่วนใบมะละกอนั้นหากนำมาตำให้ละเอียดแล้วก็จะช่วยบรรเทาอาการผิวหนังที่ฟกช้ำได้
นอกจากนี้แล้วเนื้อของมะละกอดิบหากนำเอามาตากแห้งแล้วบดเป็นผงละเอียดใช้โรยแผลผุพองและอักเสบได้
มังคุด (Mangosteen)
สรรพคุณทางยา :
มังคุดมีสรรพคุณทางยาโดยช่วยให้มีการระบายอย่างอ่อนในกรณีที่ผู้รับประทานเกิดอาการท้องผูก
แต่ก็ควรระวังถ้าหากรับประทานมังคุดมากไปแล้วก็อาจจะทำให้เกิดอาการท้องเดินขึ้นมาได้
|