สนับสนุน LowFatMart ด้วยครับ
เพื่อข้อมูลใหม่ ๆ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ความหมายของคำว่า อ้วน
 
     
  “ความอ้วน” ในที่นี้หมายถึง ความอ้วนที่มากเกินไป มีน้ำหนักตัวมากกว่าที่ควรจะเป็น ไม่ใช่อ้วนกำลังดี อ้วนพองามหรือกำลังสวย คำว่า “อ้วน” ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง มีเนื้อและไขมันมาก โต อวบ ซึ่งเป็นความหมายที่ไม่น่าปรารถนาของคนทั่ว ๆ ไป ถ้าคุณถูกทักว่า “ดูคุณอ้วนขึ้นนะ ทำไมเดี๋ยวนี้อ้วนจัง” คุณก็คงไม่ค่อยจะพอใจนัก  
     
  “คนอ้วน” หรือคนที่เป็นโรคอ้วนนั้น หมายถึง ผู้ที่มีปริมาณไขมันอยู่ในร่างกายมากกว่าเกณฑ์ปกติ ซึ่งตามหลักสากลกำหนดว่า  
     
 

ผู้ชาย ไม่ควรมีปริมาณของไขมันในตัวเกินกว่า ร้อยละ 12 – 15 ของน้ำหนักตัว
ผู้หญิง ไม่ควรมีปริมาณของไขมันในตัวเกินกว่า ร้อยละ 18 – 20 ของน้ำหนักตัว
ซึ่งในการตรวจหาปริมาณไขมันนี้ต้องทำในห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นวิธีที่ยุ่งยากอยู่ไม่น้อยทีเดียว

 
     
  คนอ้วนจะรู้สึกอุ้ยอ้ายขาดความคล่องแคล่วว่องไวไม่กระฉับกระเฉงต้องแบกน้ำหนักตัวมาก ๆ อยู่ตลอดเวลา อาจได้รับฉายาต่าง ๆ นานา นอกจากนี้ยังเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายอีกมากมาย ดังนั้นเราจึงไม่ควรจะปล่อยตัวเองให้อ้วนหรือถ้ากำลังอ้วนอยู่ก็น่าที่จะหาทางลดน้ำหนักลงมาในระดับปกติของคนทั่ว ๆ ไป  
     
 
สาเหตุของความอ้วน
   
  ความอ้วนเกิดจากการที่ร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารเข้าไปมากกว่าที่ร่างกายต้องการ และเกิดการสะสมไว้ในรูปของไขมันซึ่งอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หลักง่าย ๆ ของการลดน้ำหนักก็คือ ให้ร่างกายได้รับพลังงานน้อยลงกว่าที่ต้องการและใช้พลังงานที่เก็บสะสมไว้ให้มากขึ้น แต่ในทางปฏิบัติเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เพราะการรับประทานนั้นนอกจากจะเกิดจากความหิวแล้วยังเกิดจากความอยากจากการได้ยิน ได้เห็น ได้กลิ่นและได้ชิมรสด้วย
   
 
สาเหตุที่ทำให้อ้วน
   
1.
กรรมพันธุ์
ถ้าพ่อและแม่อ้วนทั้งสองคนลูกจะมีโอกาสอ้วนได้ถึงร้อยละ 80 ถ้าพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งอ้วนลูกจะมีโอกาสอ้วนได้ถึงร้อยละ 40 แต่คุณไม่ควรจะวิตกกังวลจนเกินเหตุไม่ใช่ว่าคุณจะหมดโอกาสผอมหรือหุ่นดีเหมือนคนอื่น
2.
นิสัยในการรับประทานอาหาร
คนที่มีนิสัยการรับประทานที่ไม่ดี ที่เรียกว่ากินจุบกินจิบไม่เป็นเวลาก็ทำให้อ้วนได
3.
ขาดการออกกำลังกาย
 
ถ้ารับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ แต่ได้ออกกำลังกาย บ้างก็อาจทำให้อ้วนช้าลง แต่หลายท่านที่รับประทานพอดีหรือมากกว่าความต้องการของร่างกายแล้วนั่ง ๆ นอน ๆ โดยไม่ได้ยืดเส้นยืดสายออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมใด ๆ ในไม่ช้าจะเกิดการสะสมเป็นไขมันในร่างกาย
 
4.
จิตใจและอารมณ์
 
มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่การรับประทานอาหารนั้นขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ เช่น การรับประทานอาหารเพื่อดับความโกรธ ความคับแค้นใจ กลุ้มใจ กังวลใจหรือดีใจ บุคคลเหล่านี้จะรู้สึกว่าอาหารททำให้จิตใจสงบ จึงหันมายึดเอาอาหารไว้เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสบายใจ ตรงกันข้ามกับบางคนกลุ้มใจเสียใจก็รับประทานอาหารไม่ได้ถ้าในระยะเวลานาน ๆ ก็มีผลทำให้ขาดอาหารเป็นต้น
 
5.
ความไม่สมดุลย์ระหว่างความรู้สึกอิ่มกับความหิวหรือความอยากอาหาร
 
เมื่อใดที่ความอยากเพิ่มขึ้นเมื่อนั้นการบริโภคก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถึงขั้นที่เรียกว่า “กินจุ” ในที่สุดก็จะทำให้อ้วน
 
6.
เพศ
 
เพศหญิงมักมีโอกาสอ้วนได้ง่ายกว่าเพศชาย เพราะโดยธรรมชาติมักสรรหาอาหารมารับประทานกันได้ตลอดเวลา อีกทั้งเพศหญิงจะต้องตั้งครรภ์ซึ่งทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เพราะต้องรับประทานอาหารมากขึ้น เพื่อบำรุงร่างกายและทารกในครรภ์ และหลังจากคลอดบุตรแล้วก็ไม่สามารถลดน้ำหนักลงมาให้เท่ากับ เมื่อก่อนตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ ในขณะตั้งครรภ์นั้นมักจะรับประทานอาหารในประมาณที่มาก ทำให้ติดเป็นนิสัยจึงทำให้น้ำหนักยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
 
7.
อายุ
 
เมื่อมีอายุมากขึ้นก็มีโอกาสอ้วนง่ายขึ้นทั้งเพศชายและเพศหญิง ซึ่งอาจเนื่องมาจากการใช้พลังงานน้อยลง
 
8.
กระบวนการทางเคมีที่เกิดขึ้นในร่างกาย
 
อัตราการเปลี่ยนแปลงทางเคมีภายในร่างกาย คือ อัตราความสามารถในการใช้พลังงานของร่างกายจะค่อย ๆ ลดลงตามอายุ นอกจากนี้อัตราการเผาผลาญยังขึ้นอยู่กับเพศ รูปร่าง กรรมพันธุ์และวิธีการดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคลด้วย
 
9.
ยา
  ผู้ป่วยบางโรค จะได้รับฮอร์โมนสเตียรอยด์เป็นเวลานานก็ทำให้อ้วนได้ และในเพศหญิงที่ฉีดยาหรือรับประทานยาคุม กำเนิดก็ทำให้อ้วนได้เช่นกัน