กล้วย
(Banana)
สรรพคุณทางยา :
ผลของกล้วยมีสรรพคุณที่ใช้ในการักษาอาการผิดปกติของร่างกายมนุษย์หลาย
ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะความเป็นพิษภายในร่างกาย
นอกจากนี้แล้ว ผลของกล้วยยังช่วยให้ปอดชุ่มชื้นและแก้กระหายน้ำได้เป็นอย่างดี
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาเปลือกกล้วยหอมสดมาต้มกับน้ำ สามารถที่จะรับประทานเป็นประจำ
ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง หรือเป็นโรคเส้นโลหิตในสมองแตกได้
นอกจากนี้แล้ว การรับประทานกล้วยวันละ 1 2 ผล เป็นประจำแล้วก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร
และอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี และถ้าหากเป็นไข้ตัวร้อนหรือมีอาการเจ็บคอแล้ว
การรับประทานกล้วยสุกก็จะช่วยลดอาการไข้ได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับอาการไอเรื้อรังนั้น
สามารถที่จะรักษาให้หายได้โดยการใช้กล้วยหอมสุกต้มกับน้ำตาลทราย แล้วรับประทานติดต่อกันจนหาย
นอกจากนี้แล้วเปลือกและเนื้อกล้วยที่สุกงอมแล้ว สามารถที่จะนำมาใช้พอกทาบริเวณส้นเท้าที่แตกได้
กระจับ (Singhara nut)
สรรพคุณทางยา :
ในเนื้อผลกระจับสดมีสรรพคุณในการช่วยดับความร้อนภายในร่างกาย และผลที่ต้มสุกแล้วจะเป็นยาช่วยย่อยและแก้อาการปวดเมื่อย
ปวดหลังและแก้พิษจากการดื่มสุรา
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาน้ำต้มเปลือกกระจับที่สุกแล้วมาผสมกับน้ำมันงามาชโลมบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวารแล้วจะช่วยรักษาอาการของริดสีดวงทวารหนักได้
นอกจากนี้แล้วหากนำเอาส่วนขั้วของก้านผลกระจับมาถูที่รอบ ๆ ผิวหนังบริเวณที่เป็นหูดแล้วก็จะรักษาอาการหูดได้เป็นอย่างดี
และก้านของต้นกระจับก็ยังมีสรรพคุณในการรักษาโรคกระเพาะอาหารอีกด้วย
กระเจี๊ยบ (Rosella)
สรรพคุณทางยา :
น้ำกระเจี๊ยบมีสรรพคุณในการช่วยรักษาอาการร้อนในภายในช่องปาก ลดปริมาณของไขมันในเส้นเลือด
ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยลดระดับของความดันโลหิตภายในร่างกายให้กลับเข้าสู่ระดับปกติ
และยังเป็นยาระบายอ่อน ๆ อีกด้วย
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาดอกกระเจี๊ยบมาต้มกับน้ำตาลทรายและน้ำแล้วหมั่นรับประทานเป็นประจำก็จะช่วยลดความดันโลหิตลงได้
กระท้อน (Santol)
สรรพคุณทางยา :
กระท้อนมีสรรพคุณในการลดอาการเจ็บคอและแก้กระหายได้เป็นอย่างดี
กาแฟ (Coffee)
สรรพคุณทางยา :
กาแฟมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการท้องเสียหรือท้องเดินและยังช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายให้กระปรี้กระเปร่า
ตลอดจนมีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะได้เป็นอย่างดี
โกโก้ (Cocoa)
สรรพคุณทางยา :
โกโก้มีสรรพคุณในการช่วยทำให้ชุ่มคอ และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจอีกด้วย
เกาลัด (Chinese chestnut)
สรรพคุณทางยา :
ผลเกาลัดนั้นมีสรรพคุณในการเป็นยาที่ช่วยบำรุงร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ
โดยมีสรรพคุณในการบำรุงอวัยวะภายในอันได้แก่ กระเพาะ ไต และยังช่วยในการฟอกโลหิต
และบรรเทาอาการช้ำในอีกด้วย นอกจากนี้แล้วเปลือกของผลเกาลัดก็ยังช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างผิดปกติ
และบรรเทาอาการอุจจาระเป็นเลือดได้อีกด้วย ส่วนใบของต้นเกาลัดก็ยังมีสรรพคุณ
เป็นยาแก้โรคหลอดลมอักเสบ และนำมาใช้ทาบริเวณผิวหนังเพื่อบรรเทาอาการผดผื่นคันได้ดีอีกด้วย
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาผลเกาลัดมารับประทานเป็นประจำแล้วก็จะช่วยบรรเทาอาการของโรคหลอดลมอักเสบไม่ให้กำเริบขึ้นมาได้
หรือหากนำเอาเปลือกของผลเกาลัดมาต้ม ให้เด็กที่มีอาการเลือดกำเดาไหลเป็นประจำรับประทานแล้วก็จะช่วยให้อาการดังกล่าวดีขึ้นได้
ขนุน (Jack fruit)
สรรพคุณทางยา :
ส่วนเนื้อของผลขนุนนั้นมีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหารและช่วยดูดซึมแก้พิษจากการดื่มสุราได้
นอกจากนี้แล้วการรับประทานผลขนุนสุกก็ยังช่วยแก้กระหายได้เป็นอย่างดี
ส่วนของเมล็ดขนุนนั้นมีสรรพคุณในการช่วยเพิ่มน้ำนมของมารดาภายหลังคลอด
ส่วนใบของต้นขนุนสามารถที่จะใช้เป็นยาสมานแผลนอกจากนี้แล้ว ยางจากลำต้นของขนุนก็มีสรรพคุณในการแก้ปวดลดอาการอักเสบซ้ำบวม
และรักษาอาการต่อมน้ำเหลืองอักเสบได้เป็นอย่างดี
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอายางขนุนสด ๆ ที่กรีดมาจากลำต้นทาที่แผลเปื่อยเรื้อรังแล้วก็จะช่วยให้หายจากอาการดังกล่าวได้ดี
หรือใบขนุนตากแห้งนั้นสามารถที่จะนำมาใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกของมีคมบาดเพื่อใช้ห้ามเลือดและรักษาแผลนอกจากนี้แล้ว
เมล็ดขนุนอบแห้งที่บดเป็นผงหากนำมารับประทานกับน้ำก่อนอาหารแล้วก็จะช่วยรักษาอาการลำไส้อักเสบได้ดี
เงาะ (Rambutan)
สรรพคุณทางยา :
เนื้อของผลเงาะสุกมีสรรพคุณในการรักษาอาการท้องร่วงได้เป็นอย่างดี
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาเปลือกของผลเงาะต้มสุกมาต้มกินกับน้ำแล้วก็จะมีฤทธิ์เป็นยาแก้อักเสบซึ่งสามารถที่จะใช้ฆ่าแบคทีเรีย
รักษาอาการอักเสบภายในช่องปาก และยังใช้รักษาโรคท้องร่วงได้เป็นอย่างดี
ข้อควรระวังคือ เมล็ดของผลเงาะนั้นจะมีพิษหากรับประทานเข้าไปแล้วอาจจะทำให้คลื่นไส้อาเจียนได้
ชมพู่ (Wax jambu)
สรรพคุณทางยา :
ในผลของชมพู่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของมนุษย์เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นวิตามินหรือเกลือแร่ชนิดต่าง
ๆ ดังนั้น จึงทำให้ผู้ที่รับประทานชมพู่เป็นประจำนั้นมีร่างกายที่แข็งแรง
นอกจากนี้แล้ว ชมพู่ก็ยังมีสรรพคุณในการช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ช่วยทำให้ชุ่มคอ
บรรเทาอาการไอและลดเสมหะที่มีในคอ ช่วยในการย่อยอาหาร ตลอดจนเป็นยาระบายอ่อน
ๆ อีกด้วย
เชอรี่ (Cherry)
สรรพคุณทางยา :
เนื้อของผลเชอรี่มีสรรพคุณในการเป็นยาบำรุงกำลัง แก้โรคไขข้ออักเสบ
หรืออาการปวดหลังและปวดตามข้อ ใช้ป้องกันและรักษาผู้ที่มีอาการแพ้อากาศเย็น
นอกจากนี้แล้วยังช่วยทำให้ผู้ที่เป็นโรคหัดออกหัดได้เร็วขึ้น
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาเมล็ดของผลเชอรี่มาต้มรวมกันกับน้ำแล้วนำไปให้ผุ้ที่เป็นโรคหัดกินแล้วก็จะมีฤทธิ์ที่ช่วยทำให้ผู้ป่วยนั้นออกเร็วยิ่งขึ้น
ส่วนรากของต้นเชอรี่สามารถที่จะนำเอามาตำให้แหลกแล้วคั้นเอาแต่น้ำเพื่อบรรเทา
หรือรักษาอาการปวดเนื่องมาจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้แล้ว
น้ำเชอรี่สดนั้นหากนำไปทาในบริเวณแผลที่เกิดจากน้ำร้อนลวกและไฟไหม้แล้วก็จะช่วยบรรเทาอาการปวด
และยังช่วยป้องกันไม่ให้แผลอักเสบอีกด้วย
แตงไทย (Musk melon)
สรรพคุณทางยา :
เนื้อของผลแตงไทยมีความเย็น ดังนั้น จึงมีสรรพคุณในการดับกระหาย ลดความร้อนภายในร่างกาย
ขับปัสสาวะ แต่ผู้ที่ท้องร่วงได้ง่ายไม่ควรที่จะรับประทานแตงไทยมากเกินไปเพราะอาจจะทำให้เกิดอาการท้องร่วงได้
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาก้านขั้วของเถาแตงไทยมาตากแห้งแล้ว บดให้เป็นผงทาลงไปบริเวณช่องจมูก
จะช่วยบรรเทาอาการช่องจมูกอักเสบได้ นอกจากนี้ หากนำเอาเมล็ดแตงไทยบดละเอียดปนกับน้ำ
สามารถที่จะใช้รับประทานเพื่อแก้อาการปอดอักเสบหรือใช้บ้วนปากแก้อาหารมีกลิ่นปากได้
แตงโม (Water melon)
สรรพคุณทางยา :
เนื้อของผลแตงโมหากรับประทานอย่างสม่ำเสมอแล้วก็จะมีสรรพคุณในการเป็นยาบำรุงร่างกาย
ทำให้เจริญอาหาร ช่วยในการย่อยอาหาร รักษาโรคไต บรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
ลดความดันโลหิต และช่วยในการขับปัสสาวะได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้วน้ำแตงโมก็ยังมีสรรพคุณในการลดความร้อนภายในร่างกายและช่วยลดความดันโลหิตอีกด้วย
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาเปลือกแตงโมมาต้มเคี่ยวกับน้ำจนข้นแล้วสามารถที่จะใช้เป็นยาเพื่อบรรเทาอาการไตอักเสบเรื้อรังได้
หรือหากนำเอาเปลือกแตงโมสดมาต้มกินแทนน้ำชาแล้วจะช่วยลดอาการความดันโลหิตสูงได้เป็นอย่างดี
และการดื่มน้ำแตงโมก็จะช่วยป้องกันและรักษาอาการของโรคหวัดหรือเจ็บคอได้อีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว หากนำเนื้อผลแตงโมมาแกะเอาเมล็ดออกแล้วบีบคั้นเอาแต่น้ำ
ใส่ลงไปในภาชนะดินเผาตั้งไฟอ่อน คอยหมั่นกวนเสมอ ๆ จนน้ำแตงโมเริ่มเหนียวก็ยกลงจากเตาทิ้งไว้ให้เย็นแล้ว
ก็จะได้น้ำตาลแตงโมที่รับประทานแก้อาการของโรคความดันโลหิตสูงได้
ทับทิม (Pomegranate)
สรรพคุณทางยา :
จากการทดลองทางเภสัชวิทยาพบว่า เปลือกหุ้มรากของต้นทับทิมนั้นจะมีฤทธิ์ในการขับพยาธิตัวตืด
ฆ่าพยาธิชนิดอื่น ๆ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีสรรพุณในการออกฤทธิ์ต้านทานต่อเชื้อไทฟอยด์
วัณโรค และเชื้อราในบริเวณผิวหนังอีกด้วย
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาเปลือกหุ้มผลทับทิมมาผสมกับน้ำตาลแล้วต้มกับน้ำจนเดือดแล้ว
สามารถที่จะใช้เป็นยารักษาโรคบิดได้ หรือการนำเอาเปลือกที่หุ้มผลทับทิมมาคั่วจนแห้งแล้วบดเป็นผงนำมารับประทานแก้โรคท้องร่วงและประจำเดือนมามากผิดปกติในสตรีได้
ส่วนเปลือกหุ้มรากของต้นทับทิมหากนำมาต้มกับน้ำและน้ำตาลทราย ดื่มขณะที่ท้องว่างติดต่อกันแล้ว
ก็จะมีฤทธิ์ในการขับพยาธิตัวตืด พยาธิปากขอ พยาธิใบไม้ พยาธิตัวกลมได้เป็นอย่างดี
ท้อ (Plum)
สรรพคุณทางยา :
เนื้อของผลท้อ เมล็ดลูกท้อ ดอกท้อ และใบของต้นท้อ ล้วนแล้วแต่มีสรรพคุณในการเป็นยารักษาโรคแทบทั้งสิ้น
โดยเมล็ดของลูกท้อนั้นจะมีสรรพคุณในการบำรุงโลหิต ช่วยให้ลำไส้และหัวใจทำงานอย่างเป็นปกติ
ส่วนดอกท้อนั้นมีสรรคุณในการเป็นยาระบาย และเป็นยาขับปัสสาวะ ส่วนใบของต้นท้อนั้นจะช่วยในการขับพยาธิ
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาเมล็ดของผลท้อมาต้มน้ำดื่มแล้วก็จะช่วยบรรเทาอาการของโรคความดันโลหิตสูง
อาการปวดศีรษะ หรืออาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ หากผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะไม่ออก
ท้องผูก และขับถ่ายไม่สะดวกแล้วให้นำเอาดอกท้อตากห้งมาบดผสมกับน้ำผึ้งรับประทานเป็นประจำก็จะช่วยบรรเทาอาการเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี
น้อยหน่า (Sugar apple , Sweetsop)
สรรพคุณทางยา :
ผลน้อยหน่ามีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิดทั้งวิตามิน เกลือแร่
แคลเซียมหรือธาตุเหล็ก นอกจากนี้แล้วน้อยหน่าก็ยังมีสรรพคุณในการเป็นยาระบายอย่างอ่อน
ๆ และช่วยทำให้ชุ่มคออีกด้วย
บ๊วย (Japanese apricot)
สรรพคุณทางยา :
บ๊วยมีสรรพคุณในการแก้อาการกระหายน้ำ ช่วยขับพยาธิที่มีอยู่ภายในลำไส้
ช่วยแก้ไขอาการคลื่นไส้อาเจียน มีการทดลองทางเภสัชวิทยาที่เชื่อว่า
เนื้อของผลบ๊วยมีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้หลายชนิด
นอกจากนี้แล้วผลบ๊วยก็ยังมีสรรคุณในการรักษาอาการท้องร่วงเรื้อรังอีกด้วย
และถ้าหากผู้ใดที่รับประทานน้ำบ๊วยเป็นประจำแล้วก็จะช่วยป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อภายในระบบทางเดินอาหารได้อีกด้วย
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาผลบ๊วยตากแห้งมาผสมกับน้ำแล้วต้มจนแห้งสองถึงสามครั้งแล้วนำมาดื่มก่อนการรับประทานอาหารอย่างต่อเนื่องแล้ว
ก็จะช่วยให้การขับพยาธิปากขอได้ นอกจากนี้หากนำเอาผลบ๊วยมาต้มทำเป็นน้ำบ๊วยเพื่อดื่มเป็นประจำแล้วก็สามารถที่จะใช้ในการลดอุณหภูมิความร้อนภายในร่างกายและใช้ดื่มแก้กระหายได้
ฝรั่ง (guava)
สรรพคุณทางยา :
ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินอยู่เป็นจำนวนมากโดยผลฝรั่งนั้นจะมีปริมาณของวิตามิน
ซี มากกว่าส้มถึง 5 เท่า ซึ่งวิตามินซีดังกล่าวนั้นมีความสำคัญต่อการสร้างสารคอลลาเจนในร่างกาย
ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสุขภาพผิวหนังและเนื้อเยื่อต่าง ๆ นอกจากนี้แล้วส่วนต่าง
ๆ ของฝรั่งไม่ว่าจะเป็นเนื้อของผลฝรั่ง ใบ เปลือกหุ้มลำต้น และรากของต้นฝรั่งนั้นล้วนแล้วแต่มีสรรพคุณที่สามารถจะเป็นยาได้
ไม่ว่าจะใช้เป็นยารักษาโรคท้องร่วง ยาห้ามเลือด ยาแก้โรคลำไส้อักเสบ
เสริมภูมิต้านทานโรค และเป็นยาสมานแผล เป็นต้น ส่วนใบของฝรั่งมีสรรพคุณในการรักษาอาการของโรคท้องร่วง
โรคบิดและอุจจาระเป็นมูกเลือด นอกจากนี้แล้วเมล็ดของฝรั่งก็ยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์จำพวกแพคตินเป็นจำนวนมาก
ตำรับยาแผนโบราณ :
หากนำเอาใบฝรั่งมาต้มกับน้ำแล้วสามารถที่จะนำเอามาล้างในบริเวณที่เป็นแผลอักเสบ
เป็นหนอง หรือมีผื่นคันเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้ นอกจากนี้แล้วหากนำเอาใบฝรั่งที่คั้นเอาแต่น้ำมาต้มให้สุกแล้วใช้รับประทานเพื่อบรรเท่าอาการของโรคบิดและลำไส้อักเสบได้
หากบริโภคใบฝรั่งตากแห้งติดต่อกันแล้วจะช่วยระงับอาการท้องร่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนผลฝรั่งที่ยังไม่สุกนั้นสามารถที่จะนำเอาไปตากแห้งแล้วบดเป็นผงเพื่อใช้ห้ามเลือดจากบาดแผลได้
นอกจานี้แล้วใบฝรั่งสดที่นำมาเคี้ยวก็จะช่วยในการระงับกลิ่นปากได้
|